องค์ประกอบของอาชีพ
องค์ประกอบของอาชีพ
1. กิจกรรมที่เป็นลักษณะเฉพาะ แต่ละอาชีพจะมีกิจกรรมที่ต้องทำแตกต่างกันไป อย่างเช่น อาชีพทนาย
ก็มีกิจกรรมที่ต้องใช้คำพูด ความคิด โต้ตอบ โต้แย้ง ในเรื่องของกฎหมาย ข้อบังคับ ของสังคม อาชีพนักแสดง ก็มีกิจกรรมที่ต้องแสดงตามบทบาทสมมุติ ที่ตนได้รับมา นักเรียน ก็มีกิจกรรมที่ต้องเรียน ต้องศึกษา ค้นคว้า ตามที่ครู สั่งสอน
2. ความรู้ทักษะที่เป็นลักษณะเฉพาะ ในการทำกิจกรรม ของแต่ละอาชีพ ต้องมีความรู้ มีทักษะ เฉพาะของแต่ละงาน ซึ่งความรู้ และทักษะ ต่างๆเหล่านี้ คนในสังคมจะได้รับการถ่ายทอด หรือฝึกหัด เป็นเบื้องต้นมาจากสถาบันการศึกษาแล้ว เช่น ผู้ที่จะประกอบอาชีพทหาร ก็จะได้รับการฝึกหัด จากโรงเรียนเตรียมทหาร โรงเรียนนายสิบ ผู้ที่จะประกอบอาชีพนักการฑูต ก็จะได้รับการฝึกหัดจากมหาวิทยาลัยตามเนื้อหา ที่เกี่ยวข้องกับการฑูต เมื่อเข้าไปทำงานจริง ก็ไปเรียนรู้เพิ่มเติมจากสภาพจริง
3. เครื่องแบบ หมายถึงชุดที่ต้องใช้ในการปฏิบัติงาน อาชีพแต่ละอย่างก็จะมีชุดสำหรับปฏิบัติกิจกรรมที่แตกต่างกัน เช่น ชาวนาก็ต้องสวมเสื้อผ้า ที่พร้อมจะรับกับความเปื้อนเปรอะจากโคลน จากสภาพงานในท้องไร่ท้องนา ผู้ทำงานสำนักงานก็มีชุดที่เหมาะสม ในการปฏิบัติงานบนสำนักงาน ถ้าจะใส่ชุดแบบเดียวกับชาวนาแล้วขึ้นมาทำงานบนสำนักงาน ก็คงจะไม่เหมาะสม ถ้าชาวนาเปลี่ยนเครื่องแบบไปใส่สูท ผูกไทด์ แล้วลงไปทำงาน ในเรือกสวนนาไร่ ก็คงไม่เป็นการเหมาะสม เช่นเดียวกัน ฉะนั้นเครื่องแบบแต่ละอาชีพ แต่ละกิจกรรมก็จะมีความเป็นลักษณะเฉพาะและเหมาะสมกับสภาพของกิจกรรม
4. สำนักงาน เป็นสถานที่ปฏิบัติงาน เพื่อดำเนินกิจกรรมตามอาชีพนั้น ทุกอาชีพต้องมีสำนักงาน บางอาชีพมีสถานที่ปฏิบัติงานในร่ม โอ่โถง เช่น โรงแรมใหญ่ๆ ห้างสรรพสินค้าใหญ่ ธนาคาร โรงเรียน ฯลฯ บางอาชีพก็มีสำนักงานอยู่กลางแจ้ง เช่น นักกีฬา ผู้ค้าขายตามตลาดนัด ชาวไร่ชาวนา ผู้ขายลอตเตอรี่ บางสำนักงานก็เต็มไปด้วยอันตราย เช่น ทหารในสนามรบ ผู้ปฏิบัติงานตามแนวชายแดนที่ไม่สงบ ผู้เก็บกู้วัตถุระเบิด ผู้ที่ต้องดับไฟ ผู้ที่ทำงานในห้องปฏิบัติการนิวเคลียร์ ผู้ที่อยู่ในอวกาศ บางอาชีพก็มีสำนักงานที่ไม่มีตัวตน ไม่มีหลักแหล่งที่ชัดเจน เช่น ผู้ค้าขายในตลาดมืด ตลาดใต้ดิน ตลาดสินค้าเถื่อน ตลาดไซด์ไลน์ ทางโทรศัพท์ ตลาดออนไลน์ ทางworld wide web ตลาดศรัทธา
5. อุปกรณ์ เครื่องมือ เป็นเครื่องมือที่ต้องใช้ในการทำกิจกรรมตามลักษณะอาชีพนั้น บางอาชีพต้องใช้เครื่องมือ หรือ วัสดุอุปกรณ์หลากหลาย เช่น ผู้ขายก๋วยเตี๋ยว ก็ต้องมีอุปกรณ์ในการทำต่างๆ เช่น หม้อต้มน้ำซุป เตา ถ้วย ชาม ฯลฯ อาชีพนักวิจัย ก็ มีแบบสอบถาม เทปบันทึกเสียง กล้องถ่ายภาพ สมุด ปากกา บางอาชีพต้องใช้ร่างกายเป็นส่วนหนึ่งของอุปกรณ์ เช่น นักกีฬา อย่างนักมวย ก็มี นวม ฟันยาง กระจับ เสื้อผ้า และร่างกาย ผู้ขายบริการ นักแสดงก็ใช้ร่างกาย เป็นอุปกรณ์ ในการทำงาน นักร้องก็ใช้เสียงร้องเป็นเครื่องมือหลักในการทำงาน แต่ในปัจจุบันก็ต้องใช้ร่างกายเป็นส่วนประกอบในการทำมาหากิน บางอาชีพก็ใช้ ความรู้ สติปัญญาเป็นเครื่องมือ อย่างเช่น ครู นักคิด นักเขียน บางอาชีพใช้ เล่ห์กล เป็นอุปกรณ์ในการทำงาน อย่างเช่น ผู้มีอาชีพต้มตุ๋น หลอกลวงผู้อื่น หรือที่เรียกกันว่า “18 มงกุฎ”
6. เงินทุน เป็นเงินทุนหมุนเวียนที่ต้องใช้ดำเนินการเพื่อประกอบกิจกรรมตามอาชีพ บางอาชีพต้องใช้เงินทุนเยอะ เช่น ผู้ประกอบการเดินรถ ต้องมีค่าใช้จ่ายจิปาถะ อาทิ ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าเงินเดือนและเบี้ยเลี้ยงพนักงาน ค่าซ่อมแซมอุปกรณ์ ค่าประกันภัย ค่าสัมประทานเส้นทางเดินรถ ค่าส่วยทางหลวง ค่ากินค่าอยู่รายวัน ฯลฯ ถ้าเป็นผู้มีอาชีพ หมอนวด ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายสำหรับเสริมความงาม ตามส่วนต่างๆของร่างกาย ไล่ไปตั้งแต่ เส้นผม ใบหน้า กายา จนถึงเล็บเท้า ต้องสวยไปหมด ซึ่งก็ต้องใช้เงินทุน บางอาชีพอาจไม่ต้องใช้เงินหมุนเวียน หรือ ใช้เพียงจำนวนน้อย เช่น ผู้ที่เป็นนักบวช ผู้ที่มีอาชีพขอทาน ฯลฯ
7. ค่าตอบแทน โดยทั่วไปคนส่วนใหญ่จะมองเห็นอาชีพที่ รายได้ อาชีพใดที่มีรายได้มาก ก็จะเป็นที่สนใจและเป็นที่ยกย่อง ชื่นชม จากสังคมไทย รายได้ เป็นค่าตอบแทน จากการทำกิจกรรมในอาชีพนั้น ซึ่งจะมีมากน้อยแตกต่างกันไป บางอาชีพอาจจะมีรายได้ไม่เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน เรียกว่า เป็นรายได้โดยอ้อม เช่น ผู้มีอาชีพนักบวช มีรายได้จากการบริจาค การทำบุญ จากความศรัทธา ไม่ได้เป็นค่าตอบแทนจากการปฏิบัติกิจกรรม ตามอาชีพโดยตรง รายได้โดยตรง คือ รายได้ที่เป็นรูปธรรม ซึ่งเกิดจากการประกอบกิจกรรมตามอาชีพ เช่น เงินเดือน ค่าจ้างรายวัน รายได้จากการขายสินค้าหรือบริการ ค่าตอบแทนที่เป็นเปอร์เซ็นต์จากการทำธุรกิจที่สุจริต ส่วนค่าเงินเปอร์เซ็นต์จากผู้รับเหมางานต่างๆ ที่ให้แก่ผู้เป็นกรรมการตรวจงาน หรือผู้บริหารหน่วยงาน ก็ถือว่าเป็น รายได้โดยอ้อม
1. กิจกรรมที่เป็นลักษณะเฉพาะ แต่ละอาชีพจะมีกิจกรรมที่ต้องทำแตกต่างกันไป อย่างเช่น อาชีพทนาย
ก็มีกิจกรรมที่ต้องใช้คำพูด ความคิด โต้ตอบ โต้แย้ง ในเรื่องของกฎหมาย ข้อบังคับ ของสังคม อาชีพนักแสดง ก็มีกิจกรรมที่ต้องแสดงตามบทบาทสมมุติ ที่ตนได้รับมา นักเรียน ก็มีกิจกรรมที่ต้องเรียน ต้องศึกษา ค้นคว้า ตามที่ครู สั่งสอน
2. ความรู้ทักษะที่เป็นลักษณะเฉพาะ ในการทำกิจกรรม ของแต่ละอาชีพ ต้องมีความรู้ มีทักษะ เฉพาะของแต่ละงาน ซึ่งความรู้ และทักษะ ต่างๆเหล่านี้ คนในสังคมจะได้รับการถ่ายทอด หรือฝึกหัด เป็นเบื้องต้นมาจากสถาบันการศึกษาแล้ว เช่น ผู้ที่จะประกอบอาชีพทหาร ก็จะได้รับการฝึกหัด จากโรงเรียนเตรียมทหาร โรงเรียนนายสิบ ผู้ที่จะประกอบอาชีพนักการฑูต ก็จะได้รับการฝึกหัดจากมหาวิทยาลัยตามเนื้อหา ที่เกี่ยวข้องกับการฑูต เมื่อเข้าไปทำงานจริง ก็ไปเรียนรู้เพิ่มเติมจากสภาพจริง
3. เครื่องแบบ หมายถึงชุดที่ต้องใช้ในการปฏิบัติงาน อาชีพแต่ละอย่างก็จะมีชุดสำหรับปฏิบัติกิจกรรมที่แตกต่างกัน เช่น ชาวนาก็ต้องสวมเสื้อผ้า ที่พร้อมจะรับกับความเปื้อนเปรอะจากโคลน จากสภาพงานในท้องไร่ท้องนา ผู้ทำงานสำนักงานก็มีชุดที่เหมาะสม ในการปฏิบัติงานบนสำนักงาน ถ้าจะใส่ชุดแบบเดียวกับชาวนาแล้วขึ้นมาทำงานบนสำนักงาน ก็คงจะไม่เหมาะสม ถ้าชาวนาเปลี่ยนเครื่องแบบไปใส่สูท ผูกไทด์ แล้วลงไปทำงาน ในเรือกสวนนาไร่ ก็คงไม่เป็นการเหมาะสม เช่นเดียวกัน ฉะนั้นเครื่องแบบแต่ละอาชีพ แต่ละกิจกรรมก็จะมีความเป็นลักษณะเฉพาะและเหมาะสมกับสภาพของกิจกรรม
4. สำนักงาน เป็นสถานที่ปฏิบัติงาน เพื่อดำเนินกิจกรรมตามอาชีพนั้น ทุกอาชีพต้องมีสำนักงาน บางอาชีพมีสถานที่ปฏิบัติงานในร่ม โอ่โถง เช่น โรงแรมใหญ่ๆ ห้างสรรพสินค้าใหญ่ ธนาคาร โรงเรียน ฯลฯ บางอาชีพก็มีสำนักงานอยู่กลางแจ้ง เช่น นักกีฬา ผู้ค้าขายตามตลาดนัด ชาวไร่ชาวนา ผู้ขายลอตเตอรี่ บางสำนักงานก็เต็มไปด้วยอันตราย เช่น ทหารในสนามรบ ผู้ปฏิบัติงานตามแนวชายแดนที่ไม่สงบ ผู้เก็บกู้วัตถุระเบิด ผู้ที่ต้องดับไฟ ผู้ที่ทำงานในห้องปฏิบัติการนิวเคลียร์ ผู้ที่อยู่ในอวกาศ บางอาชีพก็มีสำนักงานที่ไม่มีตัวตน ไม่มีหลักแหล่งที่ชัดเจน เช่น ผู้ค้าขายในตลาดมืด ตลาดใต้ดิน ตลาดสินค้าเถื่อน ตลาดไซด์ไลน์ ทางโทรศัพท์ ตลาดออนไลน์ ทางworld wide web ตลาดศรัทธา
5. อุปกรณ์ เครื่องมือ เป็นเครื่องมือที่ต้องใช้ในการทำกิจกรรมตามลักษณะอาชีพนั้น บางอาชีพต้องใช้เครื่องมือ หรือ วัสดุอุปกรณ์หลากหลาย เช่น ผู้ขายก๋วยเตี๋ยว ก็ต้องมีอุปกรณ์ในการทำต่างๆ เช่น หม้อต้มน้ำซุป เตา ถ้วย ชาม ฯลฯ อาชีพนักวิจัย ก็ มีแบบสอบถาม เทปบันทึกเสียง กล้องถ่ายภาพ สมุด ปากกา บางอาชีพต้องใช้ร่างกายเป็นส่วนหนึ่งของอุปกรณ์ เช่น นักกีฬา อย่างนักมวย ก็มี นวม ฟันยาง กระจับ เสื้อผ้า และร่างกาย ผู้ขายบริการ นักแสดงก็ใช้ร่างกาย เป็นอุปกรณ์ ในการทำงาน นักร้องก็ใช้เสียงร้องเป็นเครื่องมือหลักในการทำงาน แต่ในปัจจุบันก็ต้องใช้ร่างกายเป็นส่วนประกอบในการทำมาหากิน บางอาชีพก็ใช้ ความรู้ สติปัญญาเป็นเครื่องมือ อย่างเช่น ครู นักคิด นักเขียน บางอาชีพใช้ เล่ห์กล เป็นอุปกรณ์ในการทำงาน อย่างเช่น ผู้มีอาชีพต้มตุ๋น หลอกลวงผู้อื่น หรือที่เรียกกันว่า “18 มงกุฎ”
6. เงินทุน เป็นเงินทุนหมุนเวียนที่ต้องใช้ดำเนินการเพื่อประกอบกิจกรรมตามอาชีพ บางอาชีพต้องใช้เงินทุนเยอะ เช่น ผู้ประกอบการเดินรถ ต้องมีค่าใช้จ่ายจิปาถะ อาทิ ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าเงินเดือนและเบี้ยเลี้ยงพนักงาน ค่าซ่อมแซมอุปกรณ์ ค่าประกันภัย ค่าสัมประทานเส้นทางเดินรถ ค่าส่วยทางหลวง ค่ากินค่าอยู่รายวัน ฯลฯ ถ้าเป็นผู้มีอาชีพ หมอนวด ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายสำหรับเสริมความงาม ตามส่วนต่างๆของร่างกาย ไล่ไปตั้งแต่ เส้นผม ใบหน้า กายา จนถึงเล็บเท้า ต้องสวยไปหมด ซึ่งก็ต้องใช้เงินทุน บางอาชีพอาจไม่ต้องใช้เงินหมุนเวียน หรือ ใช้เพียงจำนวนน้อย เช่น ผู้ที่เป็นนักบวช ผู้ที่มีอาชีพขอทาน ฯลฯ
7. ค่าตอบแทน โดยทั่วไปคนส่วนใหญ่จะมองเห็นอาชีพที่ รายได้ อาชีพใดที่มีรายได้มาก ก็จะเป็นที่สนใจและเป็นที่ยกย่อง ชื่นชม จากสังคมไทย รายได้ เป็นค่าตอบแทน จากการทำกิจกรรมในอาชีพนั้น ซึ่งจะมีมากน้อยแตกต่างกันไป บางอาชีพอาจจะมีรายได้ไม่เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน เรียกว่า เป็นรายได้โดยอ้อม เช่น ผู้มีอาชีพนักบวช มีรายได้จากการบริจาค การทำบุญ จากความศรัทธา ไม่ได้เป็นค่าตอบแทนจากการปฏิบัติกิจกรรม ตามอาชีพโดยตรง รายได้โดยตรง คือ รายได้ที่เป็นรูปธรรม ซึ่งเกิดจากการประกอบกิจกรรมตามอาชีพ เช่น เงินเดือน ค่าจ้างรายวัน รายได้จากการขายสินค้าหรือบริการ ค่าตอบแทนที่เป็นเปอร์เซ็นต์จากการทำธุรกิจที่สุจริต ส่วนค่าเงินเปอร์เซ็นต์จากผู้รับเหมางานต่างๆ ที่ให้แก่ผู้เป็นกรรมการตรวจงาน หรือผู้บริหารหน่วยงาน ก็ถือว่าเป็น รายได้โดยอ้อม